บัวขาว บัญชาเมฆ
บัวขาว
บัญชาเมฆ หรือนายสมบัติ บัญชาเมฆ วันเกิด
8 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 (อายุ ๓๓ ปี) เกิดที่
บ้านเลขที่ ๑๓ หมู่ที่ ๔ บ้านสองหนอง ตำบลเกาะแก้ว อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์
บิดาชื่อ นายเล็ง บัญชาเมฆ เป็นชาวบ้านสวาย
อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ
ประกอบอาชีพทำนา มารดาชื่อ นางปาน
บัญชาเมฆ เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ ครอบครัวของนายเล็งและ นางปาน มีบุตร ๕ คน ชาย ๒ คน หญิง ๓ คน นายสมบัติ บัญชาเมฆเป็นบุตรคนที่
๔
เมื่อบัวขาวอายุ 8 ขวบ ได้เริ่มชกมวยงานวัดเป็นครั้งแรกที่บ้านตูม อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ขณะนั้นกำลังศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านโนนสวรรค์ ซึ่งใช้ชื่อตอนขึ้นชกว่า ดำทมิฬ เกียรติหมู่ 4 บัวขาวมีความสนใจในด้านแม่ไม้มวยไทยประกอบกับครอบครัวให้การสนับสนุน จึงได้เริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจัง จนกระทั่งเรียนจบในระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย นายถาวร
ทองเปลว และนายทอง บุราคร
ได้เห็นความสามารถจึงพาเดินสายขึ้นชกตามงานวัด และสถานที่อื่น ๆ ทั่วไป
โดยได้รับค่าตัวเริ่มต้นเพียง 60
- 150 บาทเท่านั้น
บัวขาวเข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเดิมซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส
บัวขาวได้ขึ้นชกมวยในงานแข่งขันกีฬาเขตพื้นที่การศึกษาประจำปี พ.ศ. 2540 และได้รับรางวัลชนะเลิศ ทำให้เป็นที่รู้จักในบรรดาครูบาอาจารย์และเพื่อนฝูงมากขึ้น เพราะนอกจากงานเดินสาย
ชกมวยซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงแล้ว บัวขาวยังได้สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนในการจัดการแข่งขันกีฬาหลายต่อหลายครั้งจึงทำให้เป็นที่รักใคร่แก่ผู้ใหญ่และเพื่อนฝูง และจุดนี้เองที่ทำให้บัวขาวได้เข้าเป็นนักมวยในสังกัดค่าย ป.ประมุข อำเภอบางคล้า
จังหวัดฉะเชิงเทรา
โดยได้รับความช่วยเหลือจากญาติของนายถาวร
ทองเปลวซึ่งเป็นชาวอำเภอศีรขรภูมิ
จังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้ชักชวนให้เข้าสังกัด
โดยในขณะนั้นบัวขาวได้เรียนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นพอดี
ในระหว่างที่บัวขาวได้เริ่มอาชีพในการเป็นนักมวยในสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข ฐานะทางบ้านก็ยังไม่ค่อยจะสู้ดีนักทำให้บัวขาวต้องเรียนในโรงเรียน ก.ศ.น. เนื่องจากครอบครัวมีอาชีพทำนาจึงต้องอาศัยเงินจากการทำนามาใช้จ่ายในทุกๆ เรื่อง
อีกทั้งการซ้อมยังทำให้ไม่มีเวลาว่าง
ทำให้บัวขาวตัดสินใจเป็นนักมวยอาชีพอย่างเต็มตัวโดยทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการซ้อม จนกระทั่งบัวขาวต้องเดินทางไปค่ายมวยที่ฉะเชิงเทรา
โดยมีผู้เป็นมารดาเดินทางไปส่ง
แต่ก็เกิดเหตุสะเทือนใจ เพราะในระหว่างที่มารดาของบัวขาวเดินทางกลับนั้นได้ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต
บัวขาวฝึกซ้อมมวยอย่างหนักเพราะต้องเดินสายชกมวยหาเงินจุนเจือครอบครัว จนกระทั้งบัวขาวได้ขึ้นชกในเวทีมวยสยามอ้อมน้อยซึ่งเป็นเวทีมวยประจำประเทศไทยและได้เป็นแชมป์รุ่น 126
ปอนด์
ซึ่งนั่นเป็นเวทีแรกที่ทำให้บัวขาวเป็นที่รู้จักกับคนไทยทั้งประเทศ
ในปี
พ.ศ. 2547 บัวขาวได้มีโอกาสเข้าไปชกในระดับนานาชาติ โดยล่าสุดชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2004
ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยชนะ จอห์น เวย์น พาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย
โคะฮิรุยมาคิ และมาซาโตะแชมป์เก่าชาวญี่ปุ่น
ปีต่อมานี้บัวขาวเข้าชิงเข้าร่วมการแข่งขันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ได้เพียงรางวัลรองชนะเลิศเท่านั้น และในที่สุดปี
พ.ศ. 2549
บัวขาวก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันอีกครั้ง และชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ในปีนั้น
ในปี
พ.ศ. 2553 บัวขาวได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการมวยเมืองไทยและวงการมวยเมืองซามูไร
โดยเป็นนักมวยไทยคนแรกที่เข้าชิงแชมป์ S-Cup ShootBoxing ซึ่งเป็นนักสู้จากมวยไทยที่ไปคว้าแชมป์รายการนักสู้ประเภทอื่นๆ ถึง
2 กติกา จากเค-วัน มาจนถึงชู๊ทบ๊อกซิ่ง โดยเอาชนะToby Imada นักสู้จากมวยปล้ำMMA.ลูกครึ่งแม็กซิกัน ฟิลิปปินโน่ในยกที่ 2 และได้แชมป์ S-Cup
ShootBoxing บนเกาะญี่ปุ่น นับเป็นเข็มขัดแชมป์เส้นที่ 3 จากก่อนหน้าคว้าแชมป์เค-วัน เวิลด์แมกซ์มา 2 สมัย สร้างความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจให้กับแฟนมวยไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ในปี พ.ศ. 2554 บัวขาวได้เข้าร่วมแข่งขันศึกมวยไทยไฟท์
2011 ในรุ่น 70 กิโลกรัม กับคู่แข่งขัน แฟรงค์ จีออร์จี จากออสเตรเลีย โดยได้แชมป์จากการใช้กติกาการแข่งขันกัน
3 ยก จากนั้นบัวขาวได้ลงแข่งขันอีกครั้งในสมัยที่สอง ครั้งนี้เองที่เกิดกรณีพิพาทกับทางต้นสังกัดในกรณีกฎหมาย จนทำให้ชีวิตแทบจะจบสิ้นการเป็นนักชกอาชีพ
แต่ในที่สุดบัวขาวได้แสดงให้เห็นถึงจิตใจนักต่อสู้ โดยการยืนหยัดมุ่งมั่น เอาชนะปัญหาอุปสรรคเหล่านั้น
จนได้รับยกย่องและชื่นชมว่าเขาเป็นสัญลักษณ์แบบอย่างแห่งการต่อสู้ให้แก่คนไทยและคนทั่วโลก
จึงได้เปลี่ยน ชื่อว่า บัวขาว บัญชาเมฆ
ในที่สุดบัวขาวก็คว้าแชมป์ในครั้งนี้ จะได้รับเงินรางวัล อีกทั้งยังได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น เป็นเกียรติประวัติสูงสุดอีกด้วย
เกียรติประวัติทั่วไป
๑. อดีตแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่น
๑๒๖ ปอนด์
๒. อดีตแชมป์ประเทศไทยมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวท ๑๒๖
ปอนด์
๓. อดีตแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นไลท์เวท
๔. แชมป์มวยไทยมาราธอน โตโยต้ารุ่น
๑๔๐ ปอนด์ ใน
พ.ศ. ๒๕๔๕
๕. แชมป์เค-วัน
เวิลแมกซ์ ๒๐๐๔ ใน พ.ศ.
๒๕๔๗
๖. ปี
พ.ศ. ๒๕๔๗ รางวัลไหว้ครู
มวยไทยสวย (คนแรก)
๗. รองแชมป์เค-วัน เวิร์ลแมกซ์
๒๐๐๕ ใน พ.ศ.
๒๕๔๘
๘. S1 ซูเปอร์เวลเธอร์เวท เวิลด์แชมเปี้ยน
๙. WMC มิดเดิลเวทเวิลด์แชมเปี้ยน
๑๐. แชมป์
เค-วัน เวิลด์แม็กซ์ ๒๐๐๖
ใน พ.ศ. ๒๕๔๙
๑๑. แชมป์ไทยไฟท์
๒๐๑๑ ใน พ.ศ.
๒๕๕๔
๑๒. แชมป์มอนติคาโล ไฟท์ติง
มาสเตอร์
ชิงแชมป์สภามวยไทยโลก WMC ภายใต้การรับมือกันของสภามวยไทยโลก WMC
และสมาคมมวยไทยแห่งโมนาโก
ที่หลุยสเตเดียม ราชรัฐโมนาโก
๑๓. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๔ รางวัลสยามกีฬาอวอร์ด ครั้งที่
๗ (นักกีฬาอาชีพดีเด่น)
๑๔. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๕ รางวัลอินทรีย์ทองอวอร์ด ครั้งที่
๑ (นักกีฬาตัวอย่างยอดเยี่ยม)
ด้านการศึกษา
๒. ปี
พ.ศ. ๒๕๔๓ จบมัธยมศึกษาปีที่ ๖
จากโรงเรียน กศน. อ.บางคล้า
จ.ฉะเชิงเทรา
๓. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๖
ได้รับพระราชทานปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
๔. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๖ เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาการจัดการคณะบริหารธุรกิจ ในมหาวิทยาลัยรัตบัณฑิต
๕. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค (กลุ่มการศึกษาและจัดภูมิปัญญา) จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์
ประวัติการทำงาน
๑. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นอาจารย์พิเศษ สอนวิชามวยไทยให้คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
๒. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๓
ทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมไทยเผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทยทั่วมุมโลก
๓. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๖
วิทยากรอบรมนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์
๔. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นเจ้าของค่ายมวยบัญชาเมฆ
๕. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๗ เข้ารับราชการทหารในตำแหน่งรองผู้บังคับหมู่หมวดบริการกองร้อยบริการ กองบริการ
โรงเรียนการกำลังสำรอง
ศูนย์กำลังสำรอง
๖. ปี
พ.ศ. ๒๕๕๘ จัดทำรายการมวยไทยออกกำลังกาย
ผลงานภาพยนตร์
๑. ซามูไรอโยธยา
๒. คุณนายโฮ
ผลงานโฆษณา (พรีเซ็นเตอร์)
๑. พรีเซนเตอร์ปูนตราดอกบัว
๒. พรีเซนเตอร์มาม่ารสหมูสับ
๓. พรีเซนเตอร์โชคอับคายาบา
๔. พรีเซนเตอร์ฟิสเนสเฟิร์ส
๕. พรีเซนเตอร์โทรศัพท์สมาร์ทโฟน เลโนโว
6. พรีเซนเตอร์เครื่องดื่มซัลโว
7. พรีเซนเตอร์รณรงค์ให้เกณฑ์ทหาร
8. พรีเซนเตอร์ธนาคารธนชาติ
9. พรีเซนเตอร์รณรงค์ให้ออกกำลังกาย (กรมพละศึกษา)
บัวขาว บัญชาเมฆ
เป็นผู้ที่มีผลงานดีเด่น ทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองประเทศชาติ
ดังจะเห็นได้จากรางวัลชื่อเสียงเกียรติยศในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการชกมวย การเป็นทูตวัฒนธรรม นอกจากนี้บัวขาวยังเป็นผู้อนุรักษ์สืบทอดและเผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทย อีกทั้งยังเป็นอัตลักษณ์แห่งบุรุษผู้ไม่เคยยอมแพ้ เป็นต้นแบบแห่งการต่อสู้ชีวิตและที่สำคัญเขาเป็นลูกอีสานที่นำมรดกวัฒนธรรมมวยไทยสู่ความภาคภูมิใจของคนทั้งโลก
โดยความก้าวหน้าของเขาเกิดจากการที่เขาหมั่นฝึกฝนพัฒนาจนกระทั้งเกิดความสำเร็จสู่ระดับสากล
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวงการมวยไทยนี้
ปัจจัยสำคัญเกิดจากบัวขาวมีความเชื่อและศรัทธาต่อหลักของการเรียนวิชามวยไทย ประกอบกับบัวขาวมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ
มีความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์
ยึดหลักคำสอนทางด้านพระพุทธศาสนาที่ผ่านการอบรมสั่งสอนจากบิดามารดาในวิถีของคนชนบททั่วไป
พร้อมกับยึดมั่นในหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ตามแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักสำคัญในการดำเนินชีวิต จากความตั้งใจในสิ่งที่เขาปรารถนามาโดยตลอดนำไปสู่การพัฒนาทักษะการเป็นนักมวยอาชีพ สามารถควบคุมร่างกาย จิตใจ
และทุกสิ่งทุกอย่างในตัวของเขา
ประสานกันเข้าเป็นนักมวยไทยโดยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ดังที่เขาเคยพูดเสมอว่า “การเป็นนักมวยที่ประสบผลสำเร็จได้ ต้องเอาชนะจิตใจตัวเองให้ได้ก่อน”
ความสำเร็จระดับโลกของนักชกนามบัวขาว บัญชาเมฆ
จากประเทศไทย ทำให้คนทั่วโลกสนใจและให้ความสำคัญกับศิลปะแม่ไม้มวยไทย ว่าเป็นศิลปะและเป็นมรดกโลก
เป็นภูมิปัญญาที่ได้สะสมไว้โดยบรรพบุรุษของคนไทยมาตั้งแต่อดีตกาล จนได้รับการยกย่องว่า เป็นศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่นำศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปเผยแพร่ให้แก่คนทั่วโลกได้รู้จักมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
พร้อมกับการสร้างความเข้าใจให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า
ศิลปะแม่ไม้มวยไทยไม่ใช่แค่การชกต่อยบนเวทีเพียงเท่านั้น แต่เป็นการรวมเอาศาสตร์ต่างๆ
ที่เป็นองค์ความรู้สำคัญในหลายเรื่องมารวมกันให้เป็นหนึ่งเดียว ที่เรียกว่า
“สมาธิมวยไทย”
ซึ่งเป็นวิชาศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่บัวขาวค้นพบ จนสามารถบอกได้ว่า
หลักวิชาการที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการมีสมาธิ
จึงเป็นหนึ่งในสาขาวิชาที่ทำการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา ตั้งแต่ระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต
จนถึงระดับดุษฎีบัณฑิต ในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ต่อไป
และเป็นแห่งเดียวในโลกที่มีการเปิดสอนในเนื้อหาเกี่ยวกับ “สมาธิมวยไทย”
โดยอาจารย์ผู้เป็นนักชกที่เก่งที่สุดในโลกขณะนี้
ปรากฏการณ์แชมป์ของบัวขาว บัญชาเมฆชาวสุรินทร์ลูกอีสาน ที่มาจากชุมชนเล็กๆ ในชนบท ได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงในการเป็นนักชกแชมป์โลกมวยไทยในหลายรายการ
คนทั่วโลกชื่นชอบบัวขาวในฐานะนักชกที่มีความสามารถสูงสุด
และยังให้ความชื่นชมต่อศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่เป็นมรดกของคนไทยทั้งชาติ
ส่งผลให้เกิดการยอมรับศิลปะแม่ไม้มวยไทยอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ได้รับความสนใจจากคนทุกเพศทุกวัย
ส่งผลให้มีโรงเรียนศิลปะแม่ไม้มวยไทยทั้งเรียนเพื่อป้องกันตัว พัฒนาร่างกาย
และเพื่อการต่อสู้
ทั้งยังเป็นผลเกี่ยวพันไปสู่การจัดการศึกษาเกี่ยวกับศิลปะแม่ไม้มวยไทยในทั่วโลก พร้อมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับศิลปะแม่ไม้มวยไทยอย่างมาก จากปรากฏการณ์ความโด่งดังของของบัวขาว
ส่งผลต่อการยกระดับฐานะของแม่ไม้มวยไทยให้สูงขึ้น พร้อมๆ
กับการขยายตัวในการยอมรับศิลปะแม่ไม้มวยไทย
อีกทั้งยังส่งผลต่อการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับศิลปะแม่ไม้มวยไทยทุกด้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลาของการต่อสู้เขาได้พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ในการเป็นนักมวยอาชีพให้เกิดขึ้น
เพราะนอกจากความสำเร็จด้านส่วนตัวแล้ว
บัวขาวยังเป็นแบบอย่างของการเป็นครูมวยที่ดี
โดยเขาได้ทำการเปิดสอนศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้กับคนท้องถิ่น มีค่ายมวยชื่อว่า “บัญชาเมฆ”
เปิดสอนศิลปะแม่ไม้มวยไทยให้กับทั้งในและต่างประเทศซึ่งมีผู้สนใจเรียนเป็นจำนวนมาก
การพัฒนาศิลปะแม่ไม้มวยไทยของบัวขาวเปรียบเสมือนยุทธศาสตร์สำคัญของการพัฒนาภูมิภาคในอนาคต ที่อาศัยรากเหง้า วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของชุมชนในอดีต ผสมผสานเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในปัจจุบัน นำไปสู่การพัฒนาที่เรียกว่า “ยุทธศาสตร์การพัฒนา”
จากเด็กชายสมบัติ บัญชาเมฆ
จึงเป็น ดร.สมบัติ บัญชาเมฆ แชมป์มวยไทยผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
มีฐานะทางสังคมและมากด้วยทรัพย์สินเงินทองที่เกิดขึ้นจากความสำเร็จของตัวเขา
แต่สิ่งที่บัวขาวไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือความเป็นชาวบ้านกูยสองหนอง ลูกอีสานที่นำมรดกวัฒนธรรมมวยไทยสู่ความภาคภูมิใจของคนทั้งโลก
ขอขอบคุณ คุณสมบัติ คุณแม่กัญญารัตน์ และคุณตาเล็ง บัญชาเมฆ ที่อนุเคราะห์ข้อมูลในการทำชีวประวัติครั้งนี้